แนวทางในการสร้างคุณค่าให้แบรนด์ (Brand Value) และมูลค่าแบรนด์ (Brand Equity)

ในการสร้างแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้น ไม่ใช่แค่การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่ต้องสามารถส่งมอบ “คุณค่า” ที่มีความหมายต่อลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดได้ด้วย
เนื้อหาต่อไปนี้จะพาไปทำความรู้จักกับแนวคิดสำคัญ 2 ประการ คือ Brand Value และ Brand Equity พร้อมแนวทางในการสร้างและพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม

1. Brand Value (คุณค่าของแบรนด์) คืออะไร?

Brand Value คือ มูลค่าที่แท้จริงของแบรนด์ในมุมของธุรกิจและลูกค้า โดยวัดจากคุณประโยชน์ที่แบรนด์มอบให้กับลูกค้า และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แบรนด์สร้างขึ้น

แนวทางสร้างคุณค่าให้แบรนด์ (Brand Value)

  1. พัฒนาสินค้า/บริการให้มีคุณภาพสูง
  2. สินค้าหรือบริการต้องตอบโจทย์และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า
    ตัวอย่าง: Apple สร้างคุณค่าผ่านสินค้าที่มีนวัตกรรมและดีไซน์ล้ำสมัย

  3. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer Experience)
  4. ทุกจุดสัมผัสของแบรนด์ต้องสอดคล้องกัน ตั้งแต่การซื้อไปจนถึงบริการหลังการขาย
    ตัวอย่าง: Starbucks มอบประสบการณ์ร้านกาแฟที่อบอุ่นและเป็นกันเอง

  5. ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางอารมณ์ (Emotional Value)
  6. แบรนด์ที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์มักมี Brand Value สูง
    ตัวอย่าง: Nike ใช้ข้อความสร้างแรงบันดาลใจ เช่น “Just Do It” เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนพัฒนาตัวเอง

  7. รักษาความสม่ำเสมอของแบรนด์ (Brand Consistency)
  8. ภาพลักษณ์ การสื่อสาร และสินค้า ต้องสอดคล้องกันตลอดเวลา
    ตัวอย่าง: Coca-Cola ใช้สีแดงและโลโก้เดียวกันทั่วโลก ทำให้ลูกค้าจดจำง่าย

  9. มุ่งเน้นความยั่งยืนและจริยธรรม (Sustainability & Ethics)
  10. ลูกค้าสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
    ตัวอย่าง: Patagonia เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่เน้นความยั่งยืนและมีนโยบายรีไซเคิล

2. Brand Equity (มูลค่าแบรนด์) คืออะไร?

Brand Equity คือ มูลค่าที่เกิดจากการรับรู้ของลูกค้า (Perceived Value) และความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งส่งผลให้แบรนด์สามารถตั้งราคาสูงขึ้นและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

องค์ประกอบของ Brand Equity

  1. Brand Awareness (การรับรู้แบรนด์) – ลูกค้ารู้จักแบรนด์และจำแบรนด์ได้ง่าย
  2. Brand Association (ภาพลักษณ์แบรนด์) – ลูกค้าเชื่อมโยงแบรนด์กับคุณค่าบางอย่าง เช่น คุณภาพสูง หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. Brand Loyalty (ความภักดีต่อแบรนด์) – ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและแนะนำต่อ
  4. Perceived Quality (การรับรู้คุณภาพของสินค้า/บริการ) – ลูกค้ามองว่าสินค้าของแบรนด์มีคุณภาพสูง

แนวทางเพิ่ม Brand Equity

  • ใช้การตลาดและโฆษณาที่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ เช่น การใช้ Influencer หรือ Storytelling
  • รักษาคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ
  • สร้างชุมชนของแบรนด์ (Brand Community) ให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม เช่น กลุ่มแฟนคลับของ Harley-Davidson หรือ Apple

3. การออกแบบแบรนด์ให้สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ (Brand Design & Identity)

  1. Logo & Visual Identity (โลโก้และอัตลักษณ์แบรนด์)
  2. สี โลโก้ และฟอนต์ ควรสะท้อนบุคลิกของแบรนด์
    ตัวอย่าง: Tesla ใช้โลโก้ตัว “T” ที่สื่อถึงความล้ำสมัย

  3. Brand Voice & Messaging (แนวทางการสื่อสารของแบรนด์)
  4. โทนเสียงของแบรนด์ต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หรูหรา สนุกสนาน หรือเป็นกันเอง
    ตัวอย่าง: Dove ใช้โทนเสียงอบอุ่นเพื่อเน้นคุณค่าด้านความมั่นใจในตัวเอง

  5. Packaging & Product Design (ดีไซน์บรรจุภัณฑ์และสินค้า)
  6. ต้องสะท้อนคุณภาพและค่านิยมของแบรนด์
    ตัวอย่าง: Chanel ใช้แพ็กเกจเรียบหรูเพื่อสร้างภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม

  7. Customer Experience (ประสบการณ์ลูกค้า)
  8. ต้องออกแบบทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) ให้สะท้อนคุณค่าของแบรนด์
    ตัวอย่าง: Lexus ให้บริการระดับพรีเมียมตั้งแต่โชว์รูมจนถึงบริการหลังการขาย

4. ตัวอย่างแบรนด์ที่สร้าง Brand Value และ Brand Equity ได้ดี

แบรนด์ จุดเด่นของ Brand Value วิธีสร้าง Brand Equity
Apple เทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์พรีเมียม มีสาวกที่ภักดี สร้าง Ecosystem (iPhone, Mac, iPad)
Nike สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน ใช้นักกีฬาชื่อดังเป็น Brand Ambassador
Starbucks ประสบการณ์ร้านกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้ Loyalty Program ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
Coca-Cola รสชาติคงที่และภาพลักษณ์ความสุข ใช้แคมเปญการตลาดที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ (e.g. “Share a Coke”)
Tesla นวัตกรรมและพลังงานสะอาด มีภาพลักษณ์ของผู้นำเทคโนโลยี และ CEO ที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์

Asian Bridge Thailand ขอสรุปให้นะคะ

  • Brand Value คือคุณค่าที่แบรนด์ส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งเกิดจากคุณภาพสินค้า ประสบการณ์ และอารมณ์ที่แบรนด์สร้างขึ้น
  • Brand Equity คือมูลค่าของแบรนด์ในตลาด ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้า การรับรู้แบรนด์ และความภักดีของลูกค้า
  • การออกแบบแบรนด์ต้องสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ ตั้งแต่โลโก้ โทนเสียง บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงประสบการณ์ลูกค้า

หากแบรนด์สามารถสร้าง Brand Value ที่แข็งแกร่งและพัฒนา Brand Equity อย่างต่อเนื่องเนี่ย ก็จะช่วยให้แบรนด์เติบโตและแข่งขันได้ในระยะยาวเลยนะคะ
ให้ Asian Bridge Thailand ช่วยส่งมอบ Brand Value และ Brand Equity ได้นะคะ 💕

ที่ Asian Bridge เราสามารถจัดหาผู้มีอิทธิพลทางสังคมได้หลากหลาย ตั้งแต่ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ไปจนถึงท็อปอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไต้หวัน เราติดตามแนวโน้มของโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ และใช้วิธีการตลาดล่าสุดเพื่อสนับสนุนความสำเร็จทางธุรกิจของลูกค้า หากคุณสนใจ โปรดติดต่อเราได้ทุกเมื่อ

ติดต่อเรา

นักเขียน

ทีมผลิตเนื้อหา Asian Bridge

ทีมผลิตเนื้อหา Asian Bridge

ทีมของเราเป็นกลุ่มมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในการจัดการโซเชียลมีเดียและการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทย เราตรวจสอบแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube และ Instagram อย่างต่อเนื่อง และรวบรวมข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับยูทูบเบอร์และอินสตาแกรมเมอร์ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์

Follow Us